ทัวร์ยุโรป BEST SPRING IN EUROPE 8วัน6คืน ฝรั่งเศส สวิส อิตาลี (เม.ย.66 วันสงกรานต์) OMAN AIR เริ่มต้น 72,900.- FWY04

เมืองปารีส (Paris) ไปเก็บภาพความประทับใจกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เริ่มต้นที่ แวะถ่ายภาพกับ จัตุรัสคองคอร์ด (Place de la Concorde) เป็นสถานที่แห่งความทรงจำทางประวัติศาสตร์ในกรุงปารีส เป็นสัญลักษณ์ของสงครามกลางเมืองและการปฏิวัติการปกครองของฝรั่งเศส จัตุรัสคองคอร์ดถูกสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 โดยสถาปนิกชื่อ Jacques Ange Gabriel และสร้างเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.1755 เพื่อประดิษฐานพระบรมรูปทรงม้าแต่ถูกทำลายโดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16

อิสระช้อปปิ้งที่ห้างปลอดภาษี Benlux Louvre duty free เป็นห้างชื่อดังใจกลางกรุงปารีส ซึ่งคุณจะได้พบกับสินค้าแบรนด์ชั้นนำต่างๆจากทั่วโลก ในราคาที่ไม่แพงและบรรยากาศที่หรูหราตระการตา ที่ดีเด่นต่อนักท่องเที่ยวไทย เพราะมีพนักงานและข้อความภาษาไทยในห้างนี้ด้วย

ล่องเรือแม่น้ำแซน โดย บาโต มูช (Bateaux-Mouches) (ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชม.) มีการบรรยายเกี่ยวกับประวัติเมืองปารีสตลอดทั้งสายการเดินทางระหว่างสองข้างทางที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มหาวิหารน็อทร์-ดาม, หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ เป็นต้น

พระราชวังแวร์ซาย (Versailles Palace) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศฝรั่งเศส นับเป็นพระราชวังที่มีความยิ่งใหญ่และงดงามอลังการมาก จนติด 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม พระราชวังสร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์คริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 18 ภายในประกอบด้วยห้องถึง 700 ห้อง รูปภาพทรงคุณค่า 6,123 ภาพ และงานแกะสลักจากศิลปินชั้นเอก 15,034 ชิ้น ควรามกว้างขวางวัดได้จากขนาดพื้นที่ของพระราชวัง ทั้งหมด 800 เฮกการ์ (5,000 ไร่) โดยแบ่งออกเป็นส่วนใหญ่ๆ ด้วยกัน ได้แก่ The Palace หรือด้านในของพระราชวัง มีห้องมากมายถึง 700 ห้อง ไม่ว่าจะเป็น ห้องบรรทม, ห้องเสวย, ห้องสำราญ และห้องพำนักอื่นๆ แต่ไม่มีห้องน้ำแม้แต่เพียงห้องเดียว , ห้องกระจก หรือ The Hall of Mirrors เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวัง และมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุด ถูกก่อสร้างด้วยกระจกบานยักษ์ใหญ่เจียรไนสุดวิบวับทั้งหมด 17 บาน เมื่อเปิดออกมาจะพบเห็นมุมที่สวยที่สุดของสวนแวร์ซาย The Gardens สวนที่ตกแต่งให้มีลวดลายเหมือนเขาวงกต ประดับประดาด้วยต้นไม้ สวนดอกไม้แบบเรขาคณิต มีประติมากรรมและหินอ่อนโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเทพนิยายกรีกโรมัน, The Estate of Trianon พระตำหนักเล็กๆ ของพระนางพระนางมารี อองตัวเนต และสวนดอกไม้ส่วนตัว ท่ามกลางหมู่บ้านชนบทที่เงียบสงบ ซึ่งพระนางทรงโปรดที่จะมาพักผ่อนและใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบคนธรรมดา (ค่าทัวร์รวมค่าเข้าชมพระราชวังแวร์ซายแล้ว)

เมืองเบิร์น (Bern) เป็นเมืองหลวง และตั้งอยู่ใจกลางของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีความโดดเด่นอย่างน่าประทับใจของเมืองเก่าสร้างขึ้นตั้งแต่ยุคกลางซึ่งถูกอนุรักษ์ไว้จากอดีตจนถึงปัจจุบัน และเป็นตัวอย่างผังเมืองของสมัยกลางที่ดีมากที่สุดในทวีปยุโรป จนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลกโดยยูเนสโกตั้งแต่ปี 1983 นำท่านเดินทางสู่แลนด์มาร์คสำคัญในเมืองเบิร์น เริ่มต้นที่

ยอดเขาจุงเฟรา (JUNGFRAUJOCH) TOP OF EUROPE บนเทือกเขาแอลป์ ล้อมรอบด้วยภูเขาไอเกอร์ เมินช์ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นบริเวณแรกในเทือกเขาแอลป์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย ชม ปราสาทน้ำแข็ง เป็นจุดถ่ายรูปสวยๆที่นี่ซึ่งเกิดจากไกด์ภูเขา 2 คนได้เริ่มสลักน้ำแข็งใช้เพียงสิ่วเจาะน้ำแข็งและเลื่อยในปี 1930 โดยทำทางเดินเหมือนโพรงถ้ำเข้าไป เพื่อชมรูปสลักน้ำแข็งต่างๆ อุณหภูมิภายในถ้ำจะคงที่อยู่ที่ -3 องศา อัลไพน์ เซนเซชัน (Alpine Sensation Adventure Tunnel)  หนึ่งในสถานที่เที่ยวของจุงเฟรา อุโมงค์ความยาว 250 เมตร แสดงเรื่องราวของการรถไฟจุงเฟราและการพัฒนาของการท่องเที่ยวในเขตเทือกเขาแอลป์ มีจอภาพยนตร์ 360 องศาที่สฟิงซ์ฮอลล์ โดยภาพยนตร์จะนำพาผู้ชมเข้าสู่โลกอัลไพน์ที่ล้อมรอบจุงเฟรา และ สฟิงซ์ฮอลล์ (Sphinx Observatory) ขึ้นลิฟต์ที่เร็วที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ไปเพียง 25 วินาทีก็จะถึงห้องชมวิวที่จะมองเห็นธารน้ำแข็ง และ วิวกลางแจ้งที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 3,571 เมตร พร้อมวิวธารน้ำแข็งอเล็ตช์ มองเลยไปถึงฝรั่งเศส เยอรมนีและอิตาลีได้อีกด้วย

ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) ขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก ด้วยความยาวโดยรอบ บวกกับพื้นที่รอบๆ ทะเลสาบถึง 146 ตารางกิโลเมตร จึงทำให้ทะเลสาบแห่งนี้กลายเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศอิตาลี

เมืองเวโรนา (Verona) เมืองเล็กๆ ในแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การ UNESCO มีสมญานามว่า “Little Roman” โดยยังคงสภาพสถาปัตยกรรมจากสมัยโรมันไว้อย่างสมบูรณ์ พาท่านถ่ายภาพด้านนอก บ้านของจูเลียต (Juliet’s House) ถือจุดเช็คอินที่สำคัญมากเมื่อมาถึงเมืองนี้ เพราะเป็นสถานที่สมมติให้เป็นบ้านของ จูเลียต นางเอกของโศกนาฏกรรมความรักจากบทประพันธ์ของ วิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) ปี ค.ศ. 1595 จุดเด่นของบริเ วณบ้าน คือ กำแพงที่เต็มไปด้วยข้อความและคำอธิษฐานเกี่ยวกับความรัก ทั้งเขียน แปะ เพ้นท์ รวมถึงกุญแจคล้องประตู หรือตามผนังมีชื่อคู่รักหนุ่มสาวเต็มไปหมดจนแทบไม่มีที่ว่าง ข้อความทั้งหมดนั้นมาจากนักท่องเที่ยวบ้าง จากคนในอิตาลีบ้าง เพราะเชื่อว่าจะทำให้ความรักมั่นคงยืนยาวเหมือนโรมิโอกับจูเลียต และ ประตูบอชารี (Porta Borsari) เป็นประตูโรมันโบราณในเวโรนาทางตอนเหนือของอิตาลี ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ เป็นอาคารสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ เป็นด่านทหารในภาคใต้ของเมืองทำหน้าที่เป็นค่ายทหารของกองทัพเวโรนา อาคารมีสองหน้าและนอกชาน มีถนน Postumieva สามารถเดินผ่านสองโค้งได้ จากนั้นพาท่าน อิสระเดินเล่นที่ จัตุรัส (Piazza delle Erbe) ทางด้านเหนือของจัตุรัสเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง กลางจัตุ  รัสเป็นที่ตั้งของรูปปั้นเทพเจ้ากรีก และเสาหินอ่อนประดับสิงโต สัญลักษณ์ของแคว้น ด้านใต้ของจัตุรัสเป็นที่ตั้งของบ้านพ่อค้า และอาคารต่าง ๆ ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง สมควรแก่เวลานัดหมายพาทุกท่านเดินทางมุ่งหน้าสู่ ย่านเมสเตร (Mestre)

เกาะเวนิส (Venice Island) ดินแดนแสนโรแมนติก เมืองเวนิสได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก (Queen of the Adriatic) เมืองแห่งสายน้ำ เมืองแห่งสะพานและเมืองแห่งแสงสว่าง นำท่านชมความสวยงามของ มหาวิหารซานมาร์โก้ (San Marco) โบสถ์สำคัญแห่งเมืองเวนิสที่เริ่มสร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ ค.ศ.823 ผสมผสานศิลปะของหลายยุคขึ้นไว้ด้วยกัน ตั้งแต่ไบเซนไทน์ โรมาเนสก์ โกธิค จนถึงเรอเนสซองซ์ หลังคาของมหาวิหารซานมาร์โกสร้างแบบโดมสุเหร่าของศาสนาอิสลาม โดมกลางมีขนาดใหญ่ที่สุด ประดับโมเสกสีทองอร่ามตั้งแต่หลังคาจรดพื้น จึงได้รับสมญานามว่า “Church of Gold” มาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 เลยทีเดียว สะพานรีอัลโต (Ponte di Rialto) เป็นหนึ่งในสะพานข้ามแกรนด์คาแนล ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปมากที่สุด เพราะสะพานแห่งนี้มีความเก่าแก่ที่สุด สร้างขึ้นครั้งแรกด้วยไม้ในปี ค.ศ.1181 เลยทีเดียว ต่อมาได้มีการรื้อ และสร้างใหม่ด้วยหินอย่างที่เห็นในปัจจุบัน นอกจากสะพานรีอัลโตจะเชื่อมระหว่างเกาะ San macro กับเกาะ San polo ของเวนิส จากนั้นพาท่าน ชมด้านหน้าของ มหาวิหารเซนต์มาร์ก (St Mark’s Basilica) เป็นมหาวิหารที่ได้รับสมญานามว่า Chiesa d’oro หรือโบสถ์ทองตั้งแต่ในศตวรรษที่ 11 เป็นตัวอย่างอันสำคัญของสถาปัตยกรรมแบบไบ  แซนไทน์ซึ่งตั้งอยู่บนจัตุรัสซันมาร์โกกลางเมืองเวนิส โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกระดับมหาวิหารประจะเขตอัครบิดรเวนิสในประเทศอิตาลี และ พระราชวังดอจ์ด (Doge’s Palace) เป็นพระราชวังขนาดใหญ่และโอ่อ่าสวยงาม สำหรับเป็นที่พักของดยุคผู้ปกครองเมืองเวนิสในอดีต ตั้งอยู่ที่แลนด์มาร์คสำคัญของเมืองอย่างจัตุรัสซันมาร์โก และมีภายในติดกับมหาวิหาร St Mark’s Basilica